นิตยสารสารคดี พฤศจิกายน 2553 ฉบับที่ 309
วนเวียนร้านหนังสือรอสารคดีเล่มจักรยานอยู่หลายวัน สุดท้ายนึกขึ้นได้ว่ายืมของญาติดีกว่า อยากอ่านตั้งแต่เห็นปกครั้งแรกทาง fb อยากรู้ว่าการเดินทางด้วยจักรยานโดยเฉพาะในเืมืองใหญ่ไปถึงไหนกันแล้ว อยากฟังเรื่องเล่าจากเืมืองอื่นๆในโลกที่มีบทเรียนกับเรื่องนี้ ... ก็ไม่ผิดหวังกับสารคดีประจำเดือนนี้
ถามว่าเราขี่จักรยานไหม … ขี่นะ แต่การใช้จักรยานของเรา (และเพื่อนรอบๆตัว) จำกัดอยู่เพื่อการออกกำลังกายเท่านั้น ถ้านับจำนวนกิโลเมตรและเวลาที่ให้กับจักรยานที่เริ่มขี่อย่างจริงจังตั้งแต่หลังสงกรานต์ น่าจะมากกว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมา แต่ถ้าดูเฉพาะการใช้เพื่อเดินทางกลับน้อยมากๆ น้อยกว่าช่วงวัยเด็กที่ไปไหนมาไหนกับจักรยาน
คิดดูก็แปลก แปลกที่ว่าใช้มันมากขึ้นแต่รู้สึกใกล้ชิดน้อยลง ตอนนี้การปั่นจักรยานเหมือนเป็นอีกกิจกรรมที่แยกจากชีวิตปกติ ต้องมีหนึ่ง สอง สามสี่ แล้วค่อยปั่น ไม่ง่ายเหมือนตอนเป็นเด็กทีไปกับมันทุกที่
วัยนั้นจักรยานมันมีสเน่ห์มากๆ ขี่มอเตอไซด์ไม่เป็น ขับรถยนต์ไม่ได้ จักรยานนี่แหละที่ช่วยขยายขอบเขตของการเที่ยวเล่น และร่นเวลาการเดินทาง จึงไ่ม่แปลกที่เราจะใช้จักรยานอย่างจริงจัง ตั้งแต่ไปโรงเรียน ซื้อขนม ...
การปั่นทั้งสองแบบสนุำกทั้งคู่ แต่ดูเหมือนจะอยู่คนละขั้วยังไงก็ไม่รู้
ลองถามตัวเอง ทำไมวิธีการใช้จักรยานถึงต่างกันขนาดนั้น เอาให้ชัดเข้า ทำไมไม่คิดจะใช้จักรยานในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น ??? จากบ้านไปร้านระยะประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ผ่านมาไม่ไปด้วยมอเตอร์ไซด์ก็รถยนต์ ... แต่ไม่เคยคิดจะใช้จักรยาน ทั้งๆที่จักรยานก็จอดอยู่ในบ้าน
จริงๆ มันก็ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ที่จะตอบว่าทำไมถึงไม่ไปไหนมาไหนด้วยจักรยาน ก็เพราะใช้มอเตอร์ไซด์หรือรถยนต์สะดวกกว่า
ไม่มีปัญหาเรื่องรถติดจนต้องหาการเดินทางวิธีใหม่ เรื่องที่จอดรถหรือความประหยัดก็ไม่ใช่ประเด็น จะว่ากลัวอุบัติเหตุก็ไม่ใช่ แม้จะคิดไปเองอยู่บ่อยว่ามอเตอไซด์ปลอดภัยกว่า (อันนี้คิดผิด) ไม่เคยคิดจะช่วยลดโลกร้อนด้วยการขี่จักรยาน ส่วนความรื่นรมย์สนุกจากการปั่นก็หาเอาได้ตอนที่เราขี่เล่น ขี่ออกกำลัง
ส่วนแรงจูงใจไม่ให้ขี่กลับตอบได้ชัด ตั้งแต่ ร้อน ขนของลำบาก รู้สึกแปลกที่จะไปไหนมาไหนด้วยจักรยาน (อันนี้เป็นประเด็น) และอีกอย่างคงเป็นเพราะไม่มีจักรยานเพื่อการนี้ หมายถึงจักรยานที่แก้ปัญหาเรื่องสัมภาระ มีบังโคลน บังโซ่ ขี่สบายพอประมาณ และที่สำคัญไม่กลัวหาย บวกกับมีสไตล์ไม่ใช่จักรยานแม่บ้านที่ใช้กัน
สรุปว่า การใช้จักรยานเพื่อการเดินทางไม่ได้ตอบโจทย์อะไรกับตัวเอง ทั้งเรื่องทางจิตใจประเภทรู้สึกดีที่ช่วยสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแง่มุมด้านเศรษฐกิจ หรือความสะดวกสบาย ในทางตรงข้ามกลับสร้างโจทย์ขึ้นแทน โดยเฉพาะเรื่องความแปลกแยกและรู้สึกว่ามันไม่ปกติ … อันนี้จริงเลย แรงด้วย
หลายเดือนก่อนช่วงเริ่มต้นปั่น เห็นพี่ในกลุ่มที่ปั่นออกกำลังด้วยกัน ใช้จักรยานไปหาลูกค้า ในชุดทำงานกลางแดด ยังรู้สึกว่าผิดปกติ ถึงกับแซวว่าบ้าจักรยานเข้าเส้น … ย้อนกลับไปไกลอีกนิด ก่อนที่จะเริ่มปั่นจักรยานเพื่อออกกำลัง เห็นเสือๆอยู่ในชุด พร้อมหมวก ปั่นบนถนนแบบไม่กลัวร้อน เราก็ว่าแปลก แต่ความรู้สึกนี้หายไปแล้วสำหรับกลุ่มปั่นเอาแรง แต่ยังเหลืออยู่ในกลุ่มปั่นเดินทาง
แต่ถามว่าเห็นด้วยไหมกับการใช้จักรยาน -- เห็นด้วยนะ
ในฐานะคนคนหนึ่ง คงสับสนกับคำถามพวกนี้ต่อไปได้ และถึงกับขี้เกียจที่จะใช้จักรยานก็ยังไหว แต่คนดูแลเมืองคงต้องคิดให้มากขึ้น เพราะข้อมูลและตัวอย่างจากเมืองต่างๆทั่วโลก ชี้ว่าการใช้จักรยานมีผลดีในหลายแง่มุม .... อย่างน้อยที่สุด มองในแง่สิทธิพื้นฐานในการใช้ถนน จักรยานก็ไม่ควรจะด้อยกว่าพาหนะอื่นๆ
ดังนั้น คนดูแลจึงมีหน้าที่ต้องเซ็ทองค์ประกอบต่างๆ ที่ทำให้ชาวบ้านทั่วไปอย่างเราๆ มีแรงจูงใจที่จะปั่นรถถีบ ทั้งทางบวกที่ทำให้อยากขึ้นนั่งหลังอาน และทางลบที่ทำให้ไม่อยากจะใช้โหมดการเดินทางเบบอื่น
เห็นด้วยจริงๆที่จะสนับสนุนให้เกิดการใช้จักรยาน
การอ่านสารคดีทำให้คิดว่าจะลองใช้จักรยานเพื่อการเดินทาง จริงๆก็ยังนึกไม่ออกว่าแรงจูงใจที่จะทำอย่างนั้นคืออะไร แต่ก็จะลองดู หลายเรื่องที่กังวล เช่น อากาศร้อน ขนของไม่ได้ จะว่าไปมันก็มีทางออกและมีคำตอบของมัน
ตอนนี้สมุยเรามี crititcal mass เรื่องการออกกำลังด้วยจักรยาน คนไม่อาย ไม่รู้สึกว่าการปั่นจักรยานในชุดแปลกตาจะเป็นเรื่องผิดปกติ และพร้อมจะทำ
เหลือทำยังไงให้เกิด critical mass สำหรับการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ...
ปล. สองวันนี้เริ่มปั่นจักรยานมาร้านแล้ว และก็รู้สึกแปลกจริงๆ และถึงตอนนี้รู้แล้วว่าจะปั่นทำไม ...ปั่นให้ตัวเองรู้สึกว่ามันไม่แปลกที่จะทำอย่างนั้น
---------
เรื่องเก่าๆ